Categories
News&Update

Online Advertising

4C Insights เผยตัวเลขการใช้งบโฆษณาของสื่อ Social Media ในไตรมาสแรกของปีนี้ พบว่าเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วกว่า 61.5% โดยเก็บข้อมูลจาก 900 แบรนด์ ที่ใช้งบโฆษณารวมกันกว่า 130 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในสื่อ Social media จำนวน 6 แพลตฟอร์ม ได้แก่ Facebook, Instagram, Snapchat, Pinterest และ LinkedIn แสดงให้เห็นว่า Social Media ได้กลายเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในกลยุทธ์การทำตลาดของแบรนด์ในปัจจุบัน

จากภาพจะเห็นว่าบางอุตสาหกรรมมีอัตราการเติบโตสูงมาก เช่น ในไตรมาสแรกของปีนี้ Instagram สินค้าที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพเติบโตขึ้นถึง 265% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และสินค้าอุปโภคบริโภคเติบโตขึ้น 628%

เป็นอย่างไรบ้างกับแนวโน้วการโฆษณาข้างต้น ปฏิเสธไม่ได้เลยใช่ไหมว่า ยุคนี้สื่อดิจิตอลมาแรงแซงโค้งจริงๆ!!

ที่มา : www.marketingoops.com/

Categories
News&Update

“ทุ่มงบมหาศาล” ขยายธุรกิจ

New York Times ได้จัด 5 อันดับบริษัทเทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตมากที่สุด โดยมี Apple, Google, Microsoft, Facebook และที่น่ากลัวที่สุดในตอนนี้คือ Amazon

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ Amazon ได้เข้าซื้อกิจกรรบริษัทต่างๆ โดยล่าสุดได้เข้าซื้อกิจการ Whole Foods หนึ่งในเครือข่ายร้านค้าปลีกรายที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ด้วยมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์ ของ Amazon คือ 1.37 หมื่นล้านเหรียญ โดยหมายจะขยายเข้าสู่ธุรกิจร้านค้าของชำร่วมกับ Amazon Fresh บริการส่งอาหารสดถึงบ้าน และร้านสะดวกซื้อในอนาคตที่จะไม่มีแคชเชียร์

นั่นแสดงให้เห็นว่า Amazon กำลังดำเนินธุรกิจลงลึกเข้าไปในการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนมากกว่าบริษัทอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น

  • ระบบ Cloud Computing : มี Amazon Web Service ที่เป็นขุมพลังหลักให้กับแอปและเว็บไซต์ที่ใช้อยู่มากมายในทุกวันนี้
  • ปัญญาประดิษฐ์ (AI : Artificial intelligence) มี Alexa ผู้ช่วยดิจิทัลอัจฉริยะสั่งการด้วยเสียง เป็นหมุดหมายสำคัญที่ช่วยผลักดันให้มีการนำไปใช้ในอุปกรณ์มากมาย
  • โลจิสติก : มี Amazon Prime Air ซึ่งใช้โดรนและเครื่องบินของ Amazon เองในการส่งสินค้าต่างๆ ซึ่งในอนาคต Amazon อาจไม่ต้องพึ่งพา UPS, FedEX หรือบริการไปรษณีย์อีกเลยก็ได้
  • ความบันทิง : ได้มีการลงทุนสร้างเนื้อหาทางโทรทัศน์ด้วยมูลค่าหลายล้านเหรียญ อีกทั้งยังมีบริการสตรีมเพลงออนไลน์ และซื้อเพลงและภาพยนตร์ในรูปแบบดิจิทัล
  • อาหาร : ซื้อกิจการ Whole Foods และมีบริการส่งอาหารสด Amazon Fresh
  • สุขภาพ : จากรายงานของ CNBC ระบุว่า Amazon มีแนวคิดที่จะรุกเข้าตลาดธุรกิจยา
  • การขายปลีกและ E-Commerce : เป็นธุรกิจที่ Amazon ได้ดำเนินมาอย่างยาวนาน จนมีชื่อเสียงไปทั่วโลก
  • อาหาร : ซื้อกิจการ Whole Foods และมีบริการส่งอาหารสด Amazon Fresh

 

นอกจากนี้ Jeff Bezos ซีอีโอของ Amazon ยังมีการลงทุนด้วยตนเอง ซึ่งอาจช่วยขยายตลาดของ Amazon ให้กว้างไกลขึ้น ไมว่าจะเป็น

  • อวกาศ : Jeff Bezos เป็นเจ้าของบริษัท Blue Origin ซึ่งสร้างจรวดอวกาศในราคาที่ถูกลง
  • สื่อข่าว : Jeff Bezos เป็นเจ้าของ The Washington Post

 

ด้วยการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดคำถามว่า เครือขายบริษัทเพียงแห่งเดียวอย่าง Amazon จะสามารถควบคุมอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของผู้คนทั่วไปได้หรือไม่

ที่มา : www.beartai.com/

ข้อมูลอ้างอิง : businessinsider

Categories
News&Update

กับดัก Digital Marketing

ดิจิทัล ดิสรัปชั่น เข้ามาสร้างความปั่นป่วนให้กับธุรกิจต้องปรับตัว ธุรกิจไทยต่างมุ่งไปสู่การทรานส์ฟอร์ เมชั่น องค์กรแห่ลงทุนทางด้านเทคโนโลยี ดำเนินกลยุทธ์ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งอาจนำมาซึ่งการทำให้ธุรกิจต้องติดกับดักจากการปรับธุรกิจสู่ยุค 4.0

บุญเลิศ นราไท กรรมการผู้อำนวยการดิจิทัล โซลูชั่น บริษัท เออาร์ไอที เปิดเผยว่า เหตุผลที่สินค้าและบริการต้องทำดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลง คนไทยเข้าถึงอินเทอร์เน็ต 46 ล้านคน และใช้ โซเชียลมีเดีย 46 ล้านคน รวมไปถึงการใช้โทรศัพท์มือถือเข้าสู่โลกออนไลน์ทั้งเล่นโซเชียล ยูทูบ และกูเกิล ทั้งกลุ่มเจเนอเรชั่นเบบี้บูมเมอร์ เอ็กซ์และวาย โดยเฉลี่ย 6.4 ชั่วโมง

อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาทุกคนพูดถึงการทำดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งจำนวนมาก แต่นักการตลาดกลับติดกับดักดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง คือ

 

  • ไม่ควรมองดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งเหมือนเวทมนตร์ใส่อะไรก็ขายได้ มองว่าแค่ลงทุนลงไปก็สามารถขายของ ได้ จริงๆ คือเป็นดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งเป็นแค่เครื่องมือการทำตลาดเท่านั้น หรือเป็นอีกหนึ่งช่องทางการเข้าถึงลูกค้า
  • เมื่อทำดิจิทัลแล้วไม่จำเป็นต้องทำตลาดออฟไลน์อีกต่อไป นับเป็นกับดักที่ผิด
  • โมเดลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จไม่ได้หมายความว่า เมื่อเราทำแล้วจะประสบความสำเร็จ แต่ให้มองว่าเป็น กระบวนการคิดและนำมาปรับใช้ให้เข้ากับธุรกิจได้เหมาะสมมากกว่า
  • เมื่อทำดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งแล้ว อย่าสนใจแต่การเอนเกจเมนต์หรือการเชื่อมโยงระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค สิ่งสำคัญแบรนด์ต้องสร้างยอดขาย ซึ่งแบรนด์หรือสินค้าส่วนใหญ่ต้องการให้มีผู้เห็นเป็นจำนวนมาก แต่กลับไม่สนใจทางด้านยอดขาย
  • โมเดลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จไม่ได้หมายความว่า เมื่อเราทำแล้วจะประสบความสำเร็จ แต่ให้มองว่าเป็น กระบวนการคิดและนำมาปรับใช้ให้เข้ากับธุรกิจได้เหมาะสมมากกว่า

 

“สูตรไม่ลับสำหรับการทำดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งคือ ต้องเข้าใจตัวเอง เริ่มต้นจากถามก่อนว่าทำทำไม และควรใช้แพลตฟอร์มไหนสำหรับการทำตลาด เช่น ถ้าเป็นช่างประปาต้องซื้อคีย์เวิร์ดจากกูเกิล เพราะคนจะค้นหากูเกิล มากกว่าจะค้นหาทางเฟซบุ๊ก ในกรณีที่ท่อประปาแตกระหว่างการสร้างเว็บไซต์แบรนด์ดอทคอมขึ้นมาเองกับการทำนำสินค้าไปจำหน่ายในช่องมาร์เก็ตเพลสควรเลือกช่องทางไหน เพื่อทำให้เข้าถึงคนได้วงกว้างมากกว่ากัน” บุญเลิศ กล่าว

ขณะเดียวกัน ยังต้องเข้าใจกลุ่มเป้าหมายและเข้าใจการสื่อสาร เพราะยุคนี้เป็นการแข่งขันดึงความสนใจ เช่น กลุ่มมิลเลนเนียลจะไม่ดูโฆษณาจากเว็บแบนเนอร์ เนื้อหาต้องดึงความสนใจภายใน 5 วินาที ดังนั้นเวลาเขียนคอนเทนต์ต้องกระชับ ง่าย เนื้อหาสาระภายใน 3 บรรทัดต้องรู้เรื่องเพราะทุกคนไม่รอ ถ้าทำคอนเทนต์อีโมชันนัล ต้องทำไวรัล คลิปวิดีโอ การใช้อินฟลูเอ็นเซอร์ส

โสภา พิมพ์สิริพาณิชย์ เจ้าของ ผ้าพันคอแบรนด์โซอี้สคาร์ฟ กล่าวว่า คีย์ซักเซสของการทำดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งต้องสังเกตพฤติกรรมลูกค้า การทำคอนเทนต์ต้องมีคุณภาพมากกว่าจะโพสต์ในเชิงปริมาณ สร้างคีย์เวิร์ดเมื่อลูกค้าค้นหาแล้วต้องเจอ สำหรับการใช้แพลตฟอร์มเฟซ บุ๊ก มองว่าจะให้ผลดีในแง่การสร้างแบรนด์ สร้างการรับรู้ ส่วนอินสตาแกรม เปรียบเหมือนแค็ตตาล็อก และสะท้อนถึงแบรนด์อิมเมจ ขณะที่ไลน์เป็น เรื่องของการปิดการขาย สร้างความน่าเชื่อถือ

ปัญหาของผู้ดำเนินธุรกิจขนาดกลางและย่อม หรือเอสเอ็มอีไทยที่มีราว 2.78 ล้านราย ต่างทยอยล้มหายตายจากไป ส่วนใหญ่ยังไม่สามารถนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับใช้ ซึ่งการทรานส์ฟอร์เมชั่นไม่ได้หมายถึงการแค่นำเงินไปลงทุนทางเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่ที่สำคัญคือวิธีการคิดของทรัพยากรบุคคลต้องปรับเปลี่ยนให้สอดรับยุคดิจิทัล

หากจะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ อย่างน้อยต้องผลักดันให้ธุรกิจเป็นท็อปไฟว์ให้ได้ มิเช่นนั้นโอกาสแจ้งเกิดจะน้อยลง รวมทั้งใช้นวัตกรรมนำทาง ช่วยสร้างความยั่งยืนให้แบรนด์ในยุคดิจิทัล

ที่มา : www.posttoday.com

Categories
News&Update

จับเทรนด์โลก เล็งคนไทยได้ใช้ 5G

อีริคสันชี้แนวโน้มเทรนด์โมบิลิตี้ระดับโกลบอล หรือการใช้ชีวิตแบบเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา มี 4 เทรนด์ต้องจับตามอง โดยเฉพาะการก้าวสู่เมืองอัจฉริยะ การใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อไอโอทีทั่วโลก และปัจจัยสำคัญของการขับเคลื่อนของไทยในการเป็น

เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ที่ผ่านมาคณะของกสทช. ได้เข้าร่วมประชุมและลงนามความร่วมมือระหว่างสำนักงาน กสทช. และกระทรวงโทรคมนาคมและการสื่อสารมวลชนสหพันธรัฐรัสเซีย (Ministry of Telecom and Mass Communications of the Russian Federation) ที่กรุงมอสโก สหพันธรัฐรัสเซีย โดยสาระสำคัญของการประชุมครั้งนี้คือ พูดคุยเรื่องการลดค่าบริการข้ามแดนระหว่างไทยกับรัสเซีย โดยมีตัวแทนจากทรูพูดคุยกับผู้ให้บริการหลัก 4 รายของรัสเซีย นอกจากนี้ยังมีแลกเปลี่ยนความรู้ด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ และความร่วมมือด้านทีวีดิจิทัล

โรแบรโต้ บาเล็ตต้า รองประธานและหัวหน้างานฝ่ายขายผลิตภัณฑ์โครงข่าย บริษัท อีริคสัน เปิดเผยว่า เทรนด์ของโลกที่ต้องจับตามองคือ 1.ทุกวันจะมีผู้ใช้โมบายบรอดแบนด์ 1 ล้านราย ส่งผลการใช้ซิมการ์ด เติบโต 4% และมีแนวโน้มว่าการใช้โมบายบรอดแบนด์มีโอกาสเติบโต ขณะที่ 2 ในปี 2561 การใช้ 4จี จะกลายเป็นเทคโนโลยีสำคัญระดับโลก 3.การใช้งานดาต้าบนมือถือ จากไตรมาสแรกของปี 2559 เมื่อเทียบ 2560 เติบโต 70% และ 4.ในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือปี 2565 คน ทั่วโลกเปลี่ยนมาใช้ 5จี

ทั้งนี้ ในส่วนตลาดเอเชียแปซิฟิก ผู้ใช้มือถือสูงกว่าประเทศอื่นๆ โดยส่วนใหญ่มีอุปกรณ์มากกว่าจำนวนประชากรภายในประเทศ เช่น ไทย มีประชากร 66 ล้านคน แต่มีผู้ใช้ มือถือ 90 ล้านราย ในปีที่ผ่านมา คาดว่า 5 ปีทะลุ 100 ล้านราย ขณะที่ปี 2565 การใช้ 5จี ของคนเอเชีย มีราว 28 ล้านคน ส่วนกลุ่มผู้ใช้ 4จี กับ 3จี มีสัดส่วนเท่ากัน 48% และ 2จี แทบไม่เหลือในตลาด

“การใช้ 5จี ของไทยยังตามหลังประเทศอื่นๆ คาดว่าเกิดขึ้นปี 2563-2565 แต่ปริมาณการใช้ 4จี ภายใน 5 ปีจะมีสัดส่วน 60% ของผู้ใช้มือถือ หรือเติบโต 4 เท่าตัว ส่วนปี 2559 มีผู้ใช้เกือบ 20 ล้านราย และปี 2560 คาดว่าจะเพิ่มเป็นเกือบ 30 ล้านราย สำหรับไทยถูกจัดอันดับอยู่ในอันดับ 3 ของภูมิภาคที่มีการใช้งานโลคัล แอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟน 18% รองจากเวียดนามสัดส่วน 21% และสิงคโปร์ 23%”

สำหรับแนวโน้มคนทั่วโลก ใช้อุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ 18 ล้านคนในปี 2565 อย่างไรก็ดี รูปแบบเครือข่ายที่มีการเชื่อมต่อ ไอโอทีบริเวณกว้าง เติบโตจากปี 2559 เพิ่มเป็น 30% ในปี 2565 และใน รูปแบบไว-ไฟ บลูทูธ เติบโต 20% สำหรับไทยขณะนี้กลุ่มโอเปอเรเตอร์ต้องเผชิญกับการแข่งขัน ไม่ว่าจะ เป็นเทคนิคระดับการให้บริการ เพิ่มประสิทธิภาพโครงข่าย พัฒนาระบบซอฟต์แวร์แอพพลิเคชั่น

การที่ไทยจะก้าวสู่เมืองอัจฉริยะ ต้องขยายพื้นที่บริการ 4จี ให้ครอบคลุม กลุ่มโอเปอเรเตอร์สู่การเป็นผู้ให้บริการไอโอที พร้อมกับสร้างสรรค์บริการใหม่ๆ นอกจากนี้ราคาอุปกรณ์สื่อสารต้องสมเหตุสมผล การพัฒนาแอพ พลิเคชั่นของผู้ประกอบการท้องถิ่น ซึ่งจะมีเพิ่มขึ้น การวางระบบด้านความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน รวมทั้งภาครัฐและเอกชนต้องจับมือร่วมกัน ซึ่งจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสู่ไอโอที ซิตี้อย่างแท้จริง

ที่มา : www.posttoday.com

Categories
News&Update

“ทุ่มงบมหาศาล” ขยายธุรกิจ

New York Times ได้จัด 5 อันดับบริษัทเทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตมากที่สุด โดยมี Apple, Google, Microsoft, Facebook และที่น่ากลัวที่สุดในตอนนี้คือ Amazon

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ Amazon ได้เข้าซื้อกิจกรรบริษัทต่างๆ โดยล่าสุดได้เข้าซื้อกิจการ Whole Foods หนึ่งในเครือข่ายร้านค้าปลีกรายที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ด้วยมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์ ของ Amazon คือ 1.37 หมื่นล้านเหรียญ โดยหมายจะขยายเข้าสู่ธุรกิจร้านค้าของชำร่วมกับ Amazon Fresh บริการส่งอาหารสดถึงบ้าน และร้านสะดวกซื้อในอนาคตที่จะไม่มีแคชเชียร์

นั่นแสดงให้เห็นว่า Amazon กำลังดำเนินธุรกิจลงลึกเข้าไปในการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนมากกว่าบริษัทอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น

  • ระบบ Cloud Computing : มี Amazon Web Service ที่เป็นขุมพลังหลักให้กับแอปและเว็บไซต์ที่ใช้อยู่มากมายในทุกวันนี้
  • ปัญญาประดิษฐ์ (AI : Artificial intelligence) มี Alexa ผู้ช่วยดิจิทัลอัจฉริยะสั่งการด้วยเสียง เป็นหมุดหมายสำคัญที่ช่วยผลักดันให้มีการนำไปใช้ในอุปกรณ์มากมาย
  • โลจิสติก : มี Amazon Prime Air ซึ่งใช้โดรนและเครื่องบินของ Amazon เองในการส่งสินค้าต่างๆ ซึ่งในอนาคต Amazon อาจไม่ต้องพึ่งพา UPS, FedEX หรือบริการไปรษณีย์อีกเลยก็ได้
  • ความบันทิง : ได้มีการลงทุนสร้างเนื้อหาทางโทรทัศน์ด้วยมูลค่าหลายล้านเหรียญ อีกทั้งยังมีบริการสตรีมเพลงออนไลน์ และซื้อเพลงและภาพยนตร์ในรูปแบบดิจิทัล
  • อาหาร : ซื้อกิจการ Whole Foods และมีบริการส่งอาหารสด Amazon Fresh
  • สุขภาพ : จากรายงานของ CNBC ระบุว่า Amazon มีแนวคิดที่จะรุกเข้าตลาดธุรกิจยา
  • การขายปลีกและ E-Commerce : เป็นธุรกิจที่ Amazon ได้ดำเนินมาอย่างยาวนาน จนมีชื่อเสียงไปทั่วโลก
  • อาหาร : ซื้อกิจการ Whole Foods และมีบริการส่งอาหารสด Amazon Fresh

 

นอกจากนี้ Jeff Bezos ซีอีโอของ Amazon ยังมีการลงทุนด้วยตนเอง ซึ่งอาจช่วยขยายตลาดของ Amazon ให้กว้างไกลขึ้น ไมว่าจะเป็น

  • อวกาศ : Jeff Bezos เป็นเจ้าของบริษัท Blue Origin ซึ่งสร้างจรวดอวกาศในราคาที่ถูกลง
  • สื่อข่าว : Jeff Bezos เป็นเจ้าของ The Washington Post

 

ด้วยการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดคำถามว่า เครือขายบริษัทเพียงแห่งเดียวอย่าง Amazon จะสามารถควบคุมอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของผู้คนทั่วไปได้หรือไม่

ที่มา : www.beartai.com/

ข้อมูลอ้างอิง : businessinsider

Categories
News&Update

แบรนด์โตได้อย่างไร

#ส่งรหัสลุ้นรางวัล #ส่งมากยิ่งมีสิทธิ์มาก ทุกคนคงเคยเห็นกิจกรรมประเภทนี้มาไม่มากก็น้อยตามสื่อประชาสัมพันธ์ แต่ทราบกันหรือไม่? แท้จริงใครเป็นผู้ได้ประโยชน์จากกิจกรรมนี้?

#ส่งรหัสลุ้นรางวัล #ส่งมากยิ่งมีสิทธิ์มาก
ทุกคนคงเคยเห็นกิจกรรมประเภทนี้มาไม่มากก็น้อยตามสื่อประชาสัมพันธ์ แต่ทราบกันหรือไม่? แท้จริงใครเป็นผู้ได้ประโยชน์จากกิจกรรมนี้?
แน่นอนว่าในมุมมองของ “ผู้บริโภค” คงจะถูกใจ และรู้สึกสนุกไปกับการลุ้นโชค ชิงรางวัล เพราะพวกเขาเหมือนกับยิงปืนหนึ่งนัด แต่ได้นกสองตัวคือ ได้ทั้งสินค้าและลุ้นของรางวัลไปด้วย
แต่..ในมุมมองของ “แบรนด์” หรือเจ้าของกิจกรรม คงไม่ทุ่มงบเพียงเพื่อสร้างความสนุกสนานอย่างเดียวแน่..คิดอย่างนั้นไหมคะ? ผลประโยชน์แท้จริงที่แบรนด์จะได้รับ คือสิ่งเหล่านี้ค่ะ
ยอดขายเพิ่มขึ้น
ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น
แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น
สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
เพิ่มฐานข้อมูลลูกค้าใหม่มากขึ้น
สร้างรายได้เพิ่มเติมจาก revenue sharing

แต่บางคนอาจสงสัย..Benefit 2 ข้อสุดท้ายมาได้ยังไง?
สาเหตุที่มาก็เพราะ รูปแบบการร่วมกิจกรรมเป็นระบบ SMS ที่เราสามารถเก็บฐานข้อมูลได้ทุกหมายเลขโทรศัพท์ที่พิมพ์เข้ามานั่นเองค่ะ ซึ่งก็เป็นผลดีของแบรนด์ เพราะสามารถหยิบข้อมูลเหล่านี้ ไปใช้ในกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อต่อยอดกลยุทธ์การขายสินค้าในอนาคตได้

.. ส่วน revenue sharing นั้น ก็มาจากค่าส่ง SMS ร่วมกิจกรรมของผู้บริโภคเช่นกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถของแบรนด์แล้วว่าจะกระตุ้นความสนใจของผู้บริโภคได้มากแค่ไหน เพราะยิ่งมีผู้ร่วมกิจกรรมมาก ส่วนแบ่งรายได้ที่จะได้รับก็มากขึ้นด้วย บางกิจกรรมสามารถใช้รายได้ส่วนนี้ไปเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมได้เชียวล่ะ

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อค่ะ.. แค่หนึ่งกิจกรรม แต่ได้อะไรมากกว่าที่คิด
มีใครให้มากกว่านี้มั้ยคะ! ถ้าไม่… plan budget ได้เลยค่ะ

Mobile Connect Co.,Ltd.

Categories
News&Update

จะขายของ? คิดก่อนว่าเราสื่อสารกับใคร..

มาดูกันดีกว่าว่า การตลาดแบบ B2B (Business to business) กับ B2C (Business to Customer) ต่างกันอย่างไร…กลุ่มเป้าหมายมองหาอะไร?

B2B (Business to business)..
1. เจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม
2. มุ่งหวังการซื้อขายระยะยาว
3. เน้นการนำเสนอคุณภาพหรือคุณค่าที่จะได้รับเป็นสำคัญ
4. ความสัมพันธ์กับคู่ค้าสำคัญที่สุด
5. กลุ่มเป้าหมายมักมองหาประสิทธิภาพและความชำนาญของเรา
6. เน้นการหาลูกค้าใหม่เพื่อสร้างรายได้ให้มากขึ้น

B2C (Business to Customer)
1. สื่อสารวงกว้าง กลุ่มตลาดใหญ่
2. การซื้อขายระยะสั้น ฉาบฉวย
3. ต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี และการสื่อสารมักจะเล่นกับอารมณ์ความรู้สึก
4. ”คุณภาพสินค้า” สำคัญกว่า “ความสัมพันธ์”
5. กลุ่มเป้าหมายมักมองหาดีลพิเศษ หรือกิจกรรมร่วมจากแบรนด์
6. การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มรายได้

Cr.grazitti.com

Categories
News&Update

สร้างแบรนด์ ให้เป็นที่รู้จัก

• ชื่อ Brand/Product..บันไดขั้นแรก

 

:: เพราะ “ชื่อเรียก” ก็ถือเป็นการ Branding อย่างหนึ่ง ฉะนั้นถ้าอยากให้ “จำได้” และ “จำง่าย” การตั้งชื่อก็ต้อง สั้น ชัดเจน มีเอกลักษณ์ สื่อความหมายได้ดี ซึ่งตัวอย่างนั้นก็มีให้เห็นรอบตัวคุณ …Nike (สองพยางค์), Man some (Product Target ชัดเจน) หรือ ซุปไก่สกัดบำรุงสมอง Brand (= Brain?)

 

• Key message ต้องชัด

 

:: คุณเป็นใคร, ขายอะไร, ชำนาญด้านไหน สโลแกนคืออะไร สื่อสารด้วย คำ keyword ที่จะสื่อถึงตัวตนออกไปซ้ำๆ เพื่อสร้างการจดจำ การรับรู้แบรนด์ และจะนำไปสู่การบอกต่อ ที่เป็นเป้าหมายสำคัญของการ Branding

 

• กำหนดกลุ่มเป้าหมาย – สร้างสื่อที่เข้าถึงง่าย

 

:: เพราะหากคุณจะ “โปรโมทแบรนด์” หรือ “โปรโมทสินค้า” แล้วล่ะก็ สิ่งสำคัญคือ กลุ่มเป้าหมายต้องชัดเจน แล้วสร้างสื่อที่พวกเขาเข้าถึงง่าย เข้าถึงได้ทุกเวลา เช่น เว็บไซต์ / Blog หรือ Social network ต่างๆ

 

• โฆษณา สำคัญมาก

 

:: พรีเซนต์ Product หรือ Service ด้วยสื่อโฆษณาที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบวีดิโอ หรือ ภาพนิ่ง เพื่อกระตุ้นความต้องการสินค้า และเป็นอีกช่องทางหนึ่ง ที่สามารถเชื่อมโยงผู้บริโภคให้เข้าถึงสื่อของแบรนด์ได้อีกด้วย

OUR SERVICE

LOCATION BASE SERVICE

การส่งข้อความแบบเจาะจงสถานที่, เข้าถึงลูกค้าโดยตรง, เพิ่มโอกาสสร้างลูกค้าใหม่

FACEBOOK

เข้าถึงผู้คนมหาศาล, กำหนดกลุ่มเป้าหมายเชิงลึก, การวัดผลแสดงเป็นตัวเลข

GOOGLE ADS

โฆษณาปรากฏบนหน้าแรกของการค้นหา, กระจายทุกเว็บไซต์ในเครือข่ายของ Google Ads ติดตามเพื่อเน้นย้ำโฆษณา

YOUTUBE ADS

สื่อแรกเมื่อต้องการค้นหาวิดีโอ, กำหนดกลุ่มเป้าหมายได้, ค่าใช้จ่ายต่อการแสดงผลถูกกว่าสื่ออื่นๆ

KOL(KEY OPINION LEAD)

VLOGGER, INFLUENCER, SOCIAL CONNECTOR ที่เวลาบอกเล่าอะไรแล้ว เกิดความคล้อยตามได้ง่าย

SMS

เข้าถึงตัวผู้บริโภคโดยตรง, สร้างผลลัพธ์หลากหลายรูปแบบ, เห็นผลชัด วัดผลได้

MMS

เช่น การส่ง E-Coupon, กระตุ้นการตัดสินใจได้เร็ว, รองรับประเภทไฟล์หลายรูปแบบ

WHY US?

• Professional :: ประสบการณ์ที่มากกว่า 18 ปี และความเชี่ยวชาญด้าน Mobile Marketing Solutions

• Service Mind :: บริการตอบโจทย์ ยืดหยุ่น ให้ความช่วยเหลือ และติดตามผล

• Customize :: สร้างผลงานให้เป็นไปตามตามผลลัพธ์ที่ลูกค้าต้องการ

• One – Stop Service :: พร้อมทุกเครื่องมือทางการตลาด ทั้ง Online และ On-ground

• Data Security :: มีนโยบายด้านมาตรฐาน ISO27001 เรื่องการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล

รับคำปรึกษาฟรี

Categories
News&Update

Brand Loyalty ทำอย่างไร?

เก็บข้อมูลผู้บริโภค:: จัดเก็บบันทึกให้มากที่สุด ตั้งแต่ วัน/เดือน/ปีเกิด ของลูกค้า, อายุ, สินค้าที่ซื้อ พฤติกรรมการซื้อ ไปจนถึงการวัดความพึงพอใจลูกค้า เพื่อสร้างวัตถุดิบในการบริหารความสัมพันธ์ลูกค้านั่นเอง
สร้างบริการเฉพาะ นำเสนอสิ่งที่ถูกใจ:: เพิ่มโอกาสการซื้อซ้ำ ด้วยการตลาดแบบ Personalized (การตลาดเฉพาะบุคคล) เช่น นำเสนอเฉพาะหมวดหมู่สินค้าที่เคยซื้อ, อวยพรวันสำคัญของสมาชิก, ช่องทางลัดต่างๆ ตามพฤติกรรมการซื้อ ซึ่งเราจะทราบได้ก็ต่อเมื่อมีการเก็บข้อมูลผู้บริโภคมากพอ และประมวลผลออกมา
มอบสิทธิพิเศษ :: ดูแลลูกค้าเก่า ด้วยโปรโมชั่น, กิจกรรม ที่มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่จะได้รับสิทธิ์ เช่น ส่วนลดต่างๆ คูปองแลกซื้อสินค้า เพื่อให้สมาชิกรู้สึกถึงความใจใส่ และการดูแลเป็นพิเศษจากแบรนด์

SURVEY SYSTEM
microsite สำรวจความพึงพอใจลูกค้า, สร้างข้อมูลเชิงสถิติ, ปรับกลยุทธ์เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้มากขึ้น

LOYALTY CAMPAIGN
Privilage ที่ให้เฉพาะสมาชิก, สร้างกลยุทธ์มัดใจลูกค้า, เพิ่มยอดขายมากขึ้นในระยะยาว

MMS
E-Coupon, กระตุ้นการตัดสินใจได้เร็ว, รองรับประเภทไฟล์หลายรูปแบบ

WHY US?

• Professional :: ประสบการณ์ที่มากกว่า 18 ปี และความเชี่ยวด้าน mobile marketing solutions

• Service Mind :: บริการตอบโจทย์ ยืดหยุ่น ให้ความช่วยเหลือ และติดตามผล

• Customize :: สร้างผลงานให้เป็นไปตามตามผลลัพธ์ที่ลูกค้าต้องการ

• One – Stop Service :: พร้อมทุกเครื่องมือทางการตลาด ทั้ง Online และ On-ground

• Data Security :: มีนโยบายด้านมาตรฐาน ISO เรื่องการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล

Contact Us

Categories
News&Update

The Blue Carpet Show for Unicef

The Blue Carpet Show for Unicef

บริษัท Mobile Connect มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจให้เป็นส่วนหนึ่งของ The Blue Carpet Show for Unicef ที่จัดขึ้นเนื่องในโอกาสทียูนิเซฟ ประเทศไทย ครบรอบ 70 ปี ด้วยการเปิดช่องทางบริจาคผ่านระบบ SMS ตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมงของรายการ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จไปอย่างยอดเยี่ยม กับยอดบริจาคทุกช่องทางกว่า 14 ล้านบาท